วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2550

หัวเราะทุกวัน หัวใจแข็งแรง

มีรายงานการศึกษาพบข้อดีเกี่ยวกับการหัวเราะ พบว่าการหัวเราะเป็นเหมือนโอสถทิพย์ ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรงเพราะเหมือนหัวใจได้มีการออกกำลังกาย ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามอาการซึมเศร้ากลับไปเพิ่มความเสี่ยงให้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลวจากงานประชุมสามัญประจำปีของกลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดของสหรัฐอเมริกา ที่เมือง Orlando รัฐ Florida ได้มีงานวิจัย 2 ชิ้นที่ศึกษาปัจจัยด้านกายภาพกับสุขภาพของมนุษย์อย่างไรก็ตามคุณหมอ Michael Miller จากมหาวิทยาลัย University of Maryland School of Medicine ใน Baltimore ได้ระบุว่าไม่ได้เป็นการแนะนำให้ใช้การหัวเราะทดแทนการออกกำลังกาย แต่ให้พยายามหัวเราะเข้าไว้ การหัวเราะวันละ 15 นาทีจะดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต และย้ำให้ออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้งเพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกายในการวิจัยครั้งนี้คุณหมอ Miller และคณะได้ให้อาสาสมัคร จำนวน 20 คนชมภาพยนต์ 2 เรื่อง เป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งและเรื่องชีวิตหนักอีกหนึ่งเรื่อง แล้วคอยวัดหน้าที่การทำงานต่างๆ ของหลอดเลือด พบว่าเมื่ออาสาสมัครชมหนังตลก ระบบไหลเวียนโลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ แต่หนังชีวิตเครียดทำให้โลหิตไหลลดลง 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคุณหมอ Miller ได้สรุปว่าการหัวเราะทำให้หัวใจได้ออกกำลังกายนั่นเองงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งศึกษาโดยคุณหมอ Wei Jiang และคณะจากมหาวิทยาลัย Duke University ในเมือง North Carolina ได้ศึกษาผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจล้มเหลวจำนวน 1,005 คน มาทดสอบด้านอาการซึมเศร้า พบว่าผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้าจะไปเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตถึง 44 เปอร์เซ็นต์ทั้งนี้คุณหมอ Jiang ได้ระบุไว้ว่าเป็นไปได้ว่าการซึมเศร้าอาจจะนำไปสู่การไม่ปฏิบัติตัวเพื่อมีสุขภาพดี เช่น ไม่ยอมออกกำลังกาย หรือการไม่รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ หรืออาจจะนำไปสู่การปฏิบัติตัวที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น สูบบุหรี่ หารทานอาหารที่เป็นโทษต่อร่างกาย เป็นต้นโดยสรุปจาก 2 การศึกษา น่าจะชี้ให้เห็นได้ว่า สุขภาพจิตดี ย่อมช่วยนำไปสู่สุขภาพกายที่ดีไปด้วย งั้นมาหัวเราะกันดีกว่า แต่อย่าพยายามหัวเราะคนเดียวนะ เดี่ยวจะโดนหาว่า บ้า! ได้นะครับ

บทความสกิดใจ

ดวงใจมีสุข..คือดวงใจ..ของผู้ให้
เริ่มจากใจ..ของผู้ให้..ใสสดก่อน
ให้ความรัก ความเมตตา เอื้ออาทร
ปีติสุข..ซาบซ่านก่อน..ก่อนส่งใจ
....................
เริ่มจากยิ้ม ยิ้มละไม ให้ข้างข้าง
ฉันยิ้มบ้าง เธอยิ้มบ้าง ช่างสดใส
ยิ้มส่งยิ้ม.. ยิ้มให้เธอ..ด้วยจริงใจ
ความขุ่นมัว ก็เหือดหาย คลี่คลายพลัน
....................
ยิ้ม..ยิ้ม..ยิ้ม..ยิ้ม ..ใส..ใส
พร้อมส่งใจสวยสวยไปด้วยนั้น
ฝากยิ้มไปให้เพื่อนเธอด้วยแล้วกัน
เพิ่มสัมพันธ์ แบ่งปัน ปันน้ำใจ..
....................
หน้าก็สวย ยิ้มก็ใส วัยก็อ่อน
งามฉะอ้อน นิดนิด อยากชิดใกล้
ต่อสัมพันธ์ ฉันท์มิตร ยืดยาวไกล
ด้วยดวงใจ ของผู้ให้ ในยิ้มงาม..
....................
วัน นี้ คุณ ยิ้ม แล้ว หรือ ยัง

เรื่องเล่าเค้า..กำลังใจ

ยิ้ม..ค่ะ
วันนี้ยืนกลางสี่แยกราชประสงค์ผู้คนมากมายเดินผ่านไปผ่านมาลายตาจังแดดก็ร้อนแสงแยงตาน้ำตาซึมๆเพราะแดด...(หรือเปล่า)ฮ่าๆๆ คงเพราะแดดนั่นแหล่ะ..ยืนอยู่นิ่งๆตรงนั้นสักสิบห้านาทีคอยดูความเป็นไปรอบๆตัวบางคนเขาก็เดินมาคนเดียว...คงเหงา...มองไปทางด้านซ้ายเด็กน้อยแก้มชมพูมากับคุณพ่อ..คุณพ่อยังหนุ่มเด็กน้อยอ้อนคุณพ่อ..อยากทานมะพร้าวเผาพอได้ดังใจ..ตาก็วาวเป็นประกายนึกถึงตอนเด็กๆ.. อยากได้อะไรก็สมหวังแต่พอโตขึ้นมาเรื่อยๆ คน..ทุกคนก็คงต้องเรียนรู้กับความผิดหวังสินะ..เพิ่งเข้าใจ...ยืนจนเมื่อย... ไปไหว้พระพรหมขอพรดีกว่าอย่างน้อย..ตอนนี้ขอให้เราเข้มแข็ง....ยืนดูอยู่ในพระพรหม...คนเยอะดีจังบ้างก็มาเป็นคู่..ไหว้เป็นคู่..คนที่เขาคู่กันเขาขอพรอะไรนะขอพรเหมือนกันหรือเปล่าอยากจะรู้...จังออกมาจากพระพรหมเดินกลับไปทางเวิร์ดเทรด...คนละลานตา..อีกครั้ง นั่งเฉยๆปล่อยอารมณ์ไปถึงแดดจะแรง แต่ลมก็มาเรื่อยๆ...นั่งยิ้มให้กับตัวเอง... ให้กำลังใจกับตัวเอง...ขอให้ต่อไปนี้ลมพัดพาแต่สิ่งที่ดีมาขอให้ลมที่ร้ายๆพัดผ่านไป...-----------------------------------------กลับไปทำงาน... ลูกค้ามาก็นั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ..สงคราม.. ดูเหมือนจะฮ๊อตที่สุดในตอนนี้ตอนค่ำๆ ขับรถกลับบ้านฟังเพลง.. เพลงเดิม เหมือนมีลางอะไรมาบอก...จะมีเรื่องดีๆแล้วก็ใช่...ก็เลยบอกตัวเองว่า...ต่อไปนี้จะเข้มแข็ง จะหนักแน่นต้องหนักแน่นอย่าหวั่นไหว..คำที่ไครเขามาบอก...แต่นี้ไปหากไม่เห็นด้วยตา..จะไม่เชื่อ... คำบอกเล่า...ยิ้มค่ะ วันนี้ยิ้มได้แล้ว...จะยิ้มให้นานที่สุด...

ยิ้ม...ที่บอกความเป็นคุณ?

รอยยิ้มที่พบเห็นบนมุมปากของทุกคน สามารถบอกนิสัยได้ด้วย...
1. ยิ้มมุมปาก : คือ การยิ้มเผยมุมปากขึ้นเล็กน้อย คนที่ชอบยิ้มแบบนี้ ว่ากันว่าเป็นคนมีความน่าค้นหาอยู่ในตัว เป็นคนลึกซึ้ง ฉลาดเฉลียว และที่น่ากลัวมากๆ คือคนประเภทนี้ อ่านใจคนเก่ง และถ้าหากให้เค้า หรือเธอโน้มน้าวใจใครสักคน รับรองได้ผลแน่นอน...

2. ยิ้มเม้มปาก : คือ การยิ้มแบบไม่เห็นฟัน เป็นรูปปากเลย คนที่ยิ้มลักษณะนี้ เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมากเลยทีเดียว ระมัดระวังตัวกับสิ่งรอบข้าง หรืออาจเรียกว่า เป็นคนขี้ระแวงเอามากๆ รักสันโดษชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ กับธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่สงบๆ เบื่อง่าย ไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นสักเท่าไร และด้วยความที่มีโลกส่วนตัวสูง ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนฝูงมาก ส่วนการที่จะทลายกำแพง เพื่อข้ามสะพานแห่งมิตรภาพ ถือว่าเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันแล้ว คุณก็มั่นใจได้เลยว่า คนที่ยิ้มเม้มปาก จะเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของคุณเลยที่เดียว

3. ยิ้มเยือกเย็น : มีลักษณะเป็นคนน่าเชื่อถือ คนประเภทนี้ไม่ได้เป็นคนที่มั่นใจตัวเองนักหรอก แต่คนส่วนมาก จะเป็นคนซื่อๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม และเป็นนักประนีประนอม

4. ยิ้มยั่วยวน : มักพบในบทบาทการแสดง หรือตามนิตยสารแฟชั่นต่างๆ แต่ในชีวิตจริง ถ้าคุณยิ้มแบบนี้ แสดงว่าคุณเป็นคนช่างฝัน และ หลงใหลในเรื่องของศิลปะมากๆเลย

5. ยิ้มตาหยี : เป็นยิ้มที่ดูน่ารัก... น่าหยิก...คนที่ยิ้มลักษณะนี้ เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีสุดๆ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม มีอารมณ์ขันชนิดที่เรียกว่า เส้นตื้นเอามากๆ เป็นคนร่าเริง สดใส เฮฮา ไม่ชอบมีเรื่องกับใคร มีเพื่อนฝูงมาก ใครที่ได้อยู่ใกล้เป็นต้องชอบ และเต็มไปด้วยรอยยิ้มทั้งวัน แถมยังเป็นคนที่รู้จักนำประสบการณ์ในอดีต มาปรับปรุงแก้ไข เพื่อใช้ในปัจจุบัน และอนาคตได้อย่างเยี่ยมยอดอีกด้วย...

6. ยิ้มเปิดเผย : คือ ยิ้มแบบเห็นฟันชัดเจน ครบ 32 ซี่ เปิดปากเต็มที่ ใครเป็นเจ้าของรอยยิ้มนี้ ขอบอกว่า คุณเป็นคนที่ชอบการแสดงออก และมีความกระตือรือร้นมากๆ ชอบที่จะพบปะเช่นกัน เพราะคุณ เป็นคนที่คอยสร้างสีสัน ให้กับคนรอบข้างได้อย่างดีทีเดียว

จิตแพทย์จำแนกการยิ้มได้เป็น 3 แบบ

1. ยิ้มจริงใจ คือ ยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกที่ดีงาม ยิ้มจริงใจเป็นการแสดงความรู้สึกทางด้านบวกอย่างแท้จริงจะปรากฎขึ้น หลังจากได้รับรู้สภาวะของอารมณ์ซึ่งรวมทั้งความยินดีจากสิ่งกระตุ้น ทางตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัส อย่างรักใคร่ก็สามารถเรียกรอยยิ้ม อย่างจริงใจออกมาได้ รอยยิ้มอย่างจริงใจนี้สามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อหายจากเจ็บปวดจากแรงกดดันที่อึดอัดได้เหมือนกัน
ยิ้มอย่างจริงใจนี้ นอกจากจะใช้กล้ามเนื้อยิ้มตามปกติคือ กล้ามเนื้อขากรรไกรแล้ว ยังใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาอีกด้วย ผลของการยิ้มจริงใจทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน "ความสุข" (เอนเดอร์ฟิน) ออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปออกฤทธิ์ทำให้ม่านตาขยายตัว และตามีประกายของความสุขที่เราเรียกว่า "ตายิ้ม" ซึ่งตานี้เองจะแสดงออกถึงความรัก ความเป็นมิตรและความอบอุ่น

2. ยิ้มเสแสร้ง ก็คือรอยยิ้มที่ประดิษฐ์ขึ้น โดยเจตนาจะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดทำให้ผู้อื่นคิดว่า เรารู้สึกว่าอย่างนั้นจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ ยิ้มเสแสร้ง คือ การเจตนาที่จะพยายามกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกในด้านดี ยิ้มเสแสร้งจะปรากฏบนใบหน้านานกว่ายิ้มจริงใจ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคจิตหลายคนเห็นว่า การหัวเราะเป็นตัวการที่จะปลดปล่อยความตึงเครียด หรือความตื่นเต้นที่มีมากจนเกินไป การหัวเราะช่วยปรับความสมดุล ให้อยู่ในสภาวะปกติ แม้ว่าจริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ตลกเลยก็ตาม เหตุผลที่เราชอบหัวเราะอีกอย่างหนึ่งก็เพราะ เวลาหัวเราะเราต้องยิ้มก่อนและใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ย่อมน่าดูกว่าใบหน้าบึ้งตึงดุร้าย การหัวเราะจึงเป็นอีกขั้นหนึ่ง ของการยิ้มนั่นเอง คุณสามารถยิ้มไปโดยไม่ต้องหัวเราะ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะหัวเราะโดยไม่ยิ้ม
คนที่สามารถยิ้มและหัวเราะอย่างจริงใจก็เหมือนกับกำลังพูดว่า "ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรนะ ฉันเป็นมิตรนะ ฉันอยู่ข้างเธอนะ" คนที่สามารถยิ้มและหัวเราะในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายจริงๆ นั้นก็คือ คนที่เป็นอัจฉริยะโดยแท้ เพราะเท่ากับเขากำลังพูดว่า "ฉันไม่กลัวหรอก"

3. ยิ้มเศร้า มนุษย์เราเป็นทุกข์เพราะเราทำตัวเองเป็นทุกข์ และเรายังทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์อีกด้วย คนที่หัวเราะมากๆ จะมีชีวิตยืนนาน คนที่มีความสุขจะมีอายุยืนกว่าคนที่อมทุกข์ การที่จะให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ จำเป็นจะต้องมีการแบ่งปัน คนที่รู้จักหัวเราะ ก็คือ คนที่รู้จักแบ่งปันนั่นเอง

กลวิธีคลายเครียด

ความเครียดทางอารมณ์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนไม่มากก็น้อย ความเครียดอาจจะเกิดจากปฏิกิริยาในตัวเราเอง เช่น ปวดท้องอึขณะที่ขับรถติดในชั่วโมงเร่งด่วน หรือความเครียดที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น หุ้นตก สูญเสียเงิน ถูกโกงแชร์ เป็นนายกโดนปฎิวัติ ฯลฯความเครียดขนาดน้อยๆ เป็นเรื่องปกติ ไม่มีปัญหา แต่อาจจะมีประโยชน์ที่ทำให้เราพยายามเอาชนะมัน ทำให้เรามีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย เช่น เครียดเพราะกลัวสอบเอ็นทรานซ์ไม่ได้จึงทำให้ขยันเรียน แต่ความเครียดถ้ามีขนาดมากก็มีผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ความเครียดอาจจะทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง ทำให้เป็นหวัดง่าย เริมกำเริบ หรือในบางคนอาจจะเกิดโรคจู๋หมดน้ำยา หรือถึงขนาดฆ่าตัวตาย ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความเครียด แนะนำหลักการลดความเครียดไว้หลายอย่าง ขั้นแรกหาสาเหตุที่ก่อให้เกิดความเครียด เขาให้คำนิยามของสาเหตุความเครียดไว้ว่า “มันคือภาวะที่บีบคั้นที่เกินความสามารถของเราที่จะตอบสนองได้” ความสามารถในการตอบสนองต่อความเครียดขึ้นกับพันธุกรรม บุคลิกภาพ ประสบการณ์ของชีวิตของเรา เช่น คนบางคนอาจจะเครียดเมื่อต้องขึ้นไปร้องเพลงบนเวที แต่บางคนชอบมากเนื่องจากมีพันธุกรรมหรือบุคลิกของความไม่ขี้อายชอบแสดงออก บางคนเข้าใกล้หมาแล้วเครียดมาก เนื่องจากมีประสบการณ์โดนหมากัดตอนที่ยังเด็ก
สาเหตุของความเครียดหลายอย่างมันเห็นได้เข้าใจได้เด่นชัด เช่น พ่อหรือแม่เสียชีวิต ลูกไม่สบาย แฟนเลิกร้าง กิ๊กเลิกรา หางานทำ ไม่ได้ ถูกไล่ออกจากงาน หาเงินไม่พอใช้ เป็นหนี้พนันบอล ฯลฯ แต่ความเครียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันก็ไม่ควรมองข้าม เช่น ต้องขับรถฝ่าจราจรไปส่งหรือรับลูกที่โรงเรียนทุกวัน เพื่อนร่วมงานนิสัยไม่ดี คอมฯ มีปัญหาแฮงค์บ่อยทำให้ต้นฉบับหาย น้ำมันราคาแพง ความเครียด เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ถ้าเป็นอยู่นานๆ ก็สามารถสร้างความเสียหาย ให้กับชีวิตร่างกายหรือสุขภาพของเราได้มาก เพราะมันกระตุ้นร่างกายเราให้หลั่งฮอร์โมนความเครียดตลอดเวลาทำให้เกิดโรคขึ้น เช่น ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ แล้วตามมาด้วยอัมพาตอัมพฤกษ์